ชื่อกิจกรรม

การพัฒนาศูนย์เรียนรู้การบริหารจัดการขยะชุมชนต้นแบบอย่างมีส่วนร่วม ตำบลหนองโสน อำเภอเมืองเพชรบุรี

กิจกรรมภายใต้ : 2568 (ยุทธ 5) โครงการที่ 42 : โครงการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้การบริหารจัดการทรัพยากรชุมชนเพื่อเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ประเภทกิจกรรม
การพัฒนาท้องถิ่น (ด้านการพัฒนา)
การพัฒนาท้องถิ่น (บริการวิชาการ)
ผู้ดำเนินงาน
1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ณัชชานุช พุ่มทอง สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
หลักและเหตุผล

        การบริหารจัดการขยะเป็นปัญหาซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง  และตามที่แผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอย ที่ใช้เป็นกรอบและทิศทางการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการขยะ โดยบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และ ประชาชน  ทั้งนี้แม้ว่าหน่วยงานต่างๆ  มีการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนแม่บท แต่ยังพบปัญหา อุปสรรคและข้อจำกัดในการดำเนินงาน อาทิ ปัญหาสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยชุมชน การดำเนินการไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ระบบติดตาม กำกับและควบคุมการดำเนินงาน ของสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนยังไม่ทั่วถึง ไม่สามารถกำกับ ควบคุม ดูแล ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการตามอำนาจและหน้าที่ ได้  ทั้งนี้หน่วยงานภาครัฐโดยกรมควบคุมมลพิษ ได้ดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะของประเทศ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2565 – 2570) เพื่อเป็นกรอบและแนวทางในการขับเคลื่อนการแก้ไขภาวะมลพิษจากขยะที่มี ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ความเดือดร้อนและสุขภาพอนามัยของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึง สภาพปัญหาและบริบทสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป และสอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนโยบายรัฐบาล

       จากการที่คณะดำเนินโครงการเคยได้ทำการทดสอบตัวแบบที่ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการขยะต้นทางและสามารถสร้างนวัตกรรมการลดปริมาณขยะต้นทางได้  โดยบรรลุเป้าหมายการลดปริมาณขยะ และมีการคัดแยกขยะ โดยมีพื้นที่ตำบลบ้านกุ่ม  อ.เมือง จ.เพชรบุรีเป็นต้นแบบ  และมีตำบลหนองโสนเป็นพื้นที่ขยายผล  ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี  ดังนั้นเพื่อให้การขยายผลทั้งในเชิงปฏิบัติ และการเผยแพร่ความรู้  และเป็นการส่งเสริมผลงานที่ประสบความสำเร็จในการจัดการขยะต้นทางเพื่อนำไปสู่การเผยแพร่ความรู้ในวงกว้าง  สู่การดำเนินการในพื้นที่อื่น ๆ  อันสอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่ และความต้องการในการพัฒนาของจังหวัด ซึ่งเป็นการดำเนินการตามพันธกิจของมหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น โดยมีการดำเนินงานร่วมกับชุมชน มีการประสานความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษากับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่องจึงทำให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือกับชุมชนในหลายพื้นที่  และสร้างความเข้มแข็งในเชิงวิชาการและการดำเนินงานพัฒนาท้องถิ่นเพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชน ภายใต้โครงการการบริหารจัดการขยะมูลฝอยเพื่อพัฒนาสู่เมืองน่าอยู่  ที่ได้นำองค์ความรู้ของสถาบันอุดมศึกษามาวิจัยและพัฒนาร่วมกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งในระหว่างปี 2566-2567  ที่ผ่านมา คณะวิจัยได้ดำเนินการขยายผลในภารกิจการบริการวิชาการของมหาวิทยาลัยในภารกิจตามความสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ในประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 5 สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs)  ตามเป้าหมายที่ 11 : ทำให้เมืองและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มีความครอบคลุม ปลอดภัย มีภูมิต้านทานและยั่งยืน  และจากผลการดำเนินโครงการที่ผ่านมาพบว่าจากการถอดบทเรียนและร่วมพัฒนาการบริหารจัดการขยะ ร่วมกับพื้นที่เป้าหมายสามารถลดปริมาณขยะมูลฝอยได้มากกว่าร้อยละ 10  ดังนั้น และจากการที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น  กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และกรมควบคุมมลพิษ ได้มีความร่วมมือ และส่งเสริมการบริหารจัดการขยะแบบมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน  ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน  และจากการขยายผลโดยโครงการบริการวิชาการ  ซึ่งคณะดำเนินโครงการเข้าไปเผยแพร่เพิ่มขึ้นในตำบลโพไร่หวาน  ตำบลนาพันสาม ตำบลแหลมผักเบี้ย  โดยเข้าไปให้ความรู้ ส่งเสริม และนำนวัตกรรม “ถังหมักรักษ์โลก” ตามนวัตกรรมที่ได้จากการงานวิจัยก่อนหน้า  ซึ่งสามารถดำเนินการบรรลุตัวชี้วัดสามารถบรรเทาและลดปัญหาการบริหารจัดการขยะในพื้นที่เป้าหมายนี้ได้  โดยมีผลการดำเนินงาน การเก็บขนโดยรถเก็บขนลดลงร้อยละ 10  ในปี 2566 และ ร้อยละ 20 ในปี ในภาพรวม อปท. ที่คณะดำเนินโครงการเข้าไปดำเนินโครงการ  ทั้งนี้จากการดำเนินโครงการ 2 ปีที่ผ่านมา พบว่า อง๕การบริหารส่วนตำบลหนองโสน  เป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมที่จะดำเนินการบูรณาการการบริหารจัดการขยะทั้งระบบ เต็มพื้นที่  โดยพัฒนาและขยายการมีส่วนร่วมของชุมชนเพิ่มขึ้นและสามารถพัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้การบริหารจัดการขยะต้นแบบ  ซึ่งจะเป็นแหล่งเรียนรู้และสร้างการเผยแพร่สู่ท้องถิ่นอื่น ๆ   เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพของ อปท. และการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ที่ให้ความร่วมมือแก่โครงการที่ผ่านมา 

       องค์การบริหารส่วนตำบลหนองโสน  มีคุณลักษณะที่เหมาะสมในการดำเนินโครงการดังกล่าว จากการที่มีการพัฒนาการบริหารจัดการขยะพื้นที่มาระดับหนึ่งแล้ว  โดยที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน  ให้การสนับสนุน และให้ความร่วมมือแก่คณะทำงานในการรณรงค์แก่ชุมชนในการคัดแยกขยะในพื้นที่บริการวิชาการมีผลผลิตและผลลัพธ์การลดลงของขยะอินทรีย์ในหมู่บ้านที่คณะบริการวิชาการลดลง และด้วยลักษณะของชุมชนในพื้นที่ของ อบต. หนองโสน ซึ่งเป็นพื้นที่ในเขตอำเภอเมือง  มี  มีลักษณะกึ่งเมือง ยังคงมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่พักอาศัยกึ่งเกษตรกรรม อยู่ใกล้ที่ตั้งของศูนย์ราชการในจังหวัดเพชรบุรี  และมีหน่วยงานราชการสำคัญที่เป็นเขตต่อเนื่อง และเป็นแหล่งผลิตชมพู่เพชรสายรุ้งที่สำคัญของจังหวัดเพชรบุรี   ในขณะเดียวกัน เป็นพื้นที่ตำบลหนึ่งที่มีการขยายตัวของชุมชนมีจำนวนประชาการเพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปีในอัตราที่สูง ด้วยพื้นที่ที่มีลักษณะการใช้งานที่มีความหลากหลาย การบริหารจัดการขยะจำเป็นต้องพึ่งพาวิธีการที่หลากหลายด้วยเช่นกัน จึงถือเป็นพื้นที่น่าสนใจในการพัฒนาศูนย์เรียนรู้การบริหารจัดการขยะ  ซึ่งคาดว่าจะเป็นประโยชน์ในการนำไปขยายผลและเป็นตัวแบบหรือตัวอย่างในการบริหารจัดการในพื้นที่ อปท. อื่นที่มีคุณลักษณะใกล้เคียงกันได้ในอนาคต ประกอบกับ องค์กรปกครองท้องถิ่นพื้นที่เป้าหมายนี้มีการดำเนินการมาในระดับหนึ่งแล้ว  มีการรับรู้ถึงปัญหาและความต้องการ รวมทั้งสามารถแสวงหาความร่วมมือกับชุมชน  เอกชน ในพื้นที่ถึงแนวทางในการพฒนาการบริหารจัดการขยะซึ่งจะตอบสนองต่อการพัฒนาท้องถิ่นในได้เป็นอย่างดี

วัตถุประสงค์

1 เพื่อพัฒนาศูนย์เรียนรู้การบริหารจัดการขยะชุมชนต้นแบบ ในตำบลหนองโสน อำเภอเมือง  จังหวัดเพชรบุรี

2 เพื่อเผยแพร่ความรู้การบริหารจัดการขยะโดยใช้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน และขยายผลสู่ท้องถิ่นในจังหวัดเพชรบุรี

พื้นที่เป้าหมาย
# พื้นที่ ตำบล อำเภอ จังหวัด
1 อบต.หนองโสน หนองโสน เมืองเพชรบุรี เพชรบุรี
กิจกรรมย่อย

ระยะเวลาดำเนินงาน (Date)

( ไตรมาส 4) 1 ก.ค. 2568 - 30 ก.ย. 2568

กลุ่มเป้าหมาย (Target)

กลุ่มเป้าหมายของโครงการ ได้แก่ ครัวเรือนและประชาชนในพื้นที่ตำบลหนองโสน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่หลักในการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้การบริหารจัดการขยะชุมชนต้นแบบ รวมทั้งครัวเรือนและประชาชนในตำบลข้างเคียง ซึ่งได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ แนวทางปฏิบัติ และนวัตกรรมในการจัดการขยะเพื่อให้สามารถนำไปใช้จริงในครัวเรือน โดยกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวจะได้รับประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจจากการลดค่าใช้จ่ายและสร้างรายได้เสริมจากการคัดแยกขยะ ด้านสังคมจากการยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างระเบียบวินัยชุมชน ด้านสิ่งแวดล้อมจากการลดปริมาณขยะและปัญหามลภาวะ รวมทั้งด้านการศึกษาที่เกิดการเรียนรู้และการขยายผลสู่ชุมชนอื่น ๆ ได้ต่อไป

- พื้นที่เป้าหมายดำเนินโครงการ

         อบต. หนองโสน   อำเภอเมือง จ.เพชรบุรี        

- จำนวนหมู่บ้านเป้าหมาย

         7 หมู่บ้าน ในตำบลของ อบต. หนองโสน   จ.เพชรบุรี        

- จำนวนครัวเรือนกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการฯ

         7 หมู่บ้าน ๆละ 5-10 ครัวเรือน จำนวน 100 ครัวเรือน


วิธีการดำเนินงาน (Process)

โครงการได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะโดยมุ่งเน้นการสร้างพฤติกรรมการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางควบคู่กับการใช้ประโยชน์จากขยะอินทรีย์ ผ่านการเผยแพร่และสาธิตการใช้นวัตกรรม “ถังหมักรักษ์โลก” ให้แก่ครัวเรือนในตำบลหนองโสนและขยายผลไปยังตำบลใกล้เคียง ได้แก่ โพไร่หวาน นาพันสาม และแหลมผักเบี้ย โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่าย เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และสร้างต้นแบบศูนย์การเรียนรู้การบริหารจัดการขยะชุมชนที่สามารถลดปริมาณขยะ ลดภาระการเก็บขน และส่งเสริมการจัดการขยะอย่างยั่งยืนในระดับครัวเรือนและชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรม


ผลผลิต (Output)

1. สามารถจัดตั้งศูนย์เรียนรู้การบริหารจัดการขยะชุมชนต้นแบบได้สำเร็จ 1 ศูนย์ ณ ตำบลหนองโสน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่หลักของโครงการ โดยมีการจัดทำป้ายศูนย์การเรียนรู้ สถานีการเรียนรู้จำลอง และกิจกรรมอบรมเพื่อเผยแพร่องค์ความรู้แก่ชุมชน
2. มหาวิทยาลัยได้นำองค์ความรู้ด้านการจัดการขยะและนวัตกรรม “ถังหมักรักษ์โลก” มาบูรณาการกับชุมชน โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมทั้งการประชุม การสาธิต และการทดลองปฏิบัติจริงในครัวเรือน ส่งผลให้เกิดการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมเพื่อลดปริมาณขยะอินทรีย์ และสามารถขยายผลสู่ชุมชนอื่นได้อย่างเป็นระบบ
3. มีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมการอบรม การสาธิต และการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการคัดแยกขยะและการใช้ถังหมักรักษ์โลก รวมทั้งสิ้น 103 คน จากพื้นที่เป้าหมาย  เกินกว่าค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยผู้เข้าร่วมสามารถนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในครัวเรือนและขยายผลสู่ชุมชนของตนเอง

ผลลัพธ์ (Outcome)

1. จากการประเมินหลังการอบรมและการสาธิต พบว่าประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมากกว่า ร้อยละ 40 มีการตระหนักรู้และเข้าใจถึงความสำคัญของการคัดแยกขยะ การใช้ประโยชน์จากขยะอินทรีย์ และการลดปริมาณขยะตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้
2. ประชาชนในพื้นที่เป้าหมายบางส่วน โดยเฉพาะแกนนำชุมชนและกลุ่มครัวเรือนต้นแบบ สามารถนำความรู้และนวัตกรรม “ถังหมักรักษ์โลก” ไปปรับใช้จริง และถ่ายทอดต่อให้เพื่อนบ้านหรือกลุ่มชุมชนอื่น ๆ คิดเป็นประมาณ ร้อยละ 10 ของผู้เข้าร่วม เกินกว่าค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้
3. จากการวิเคราะห์เบื้องต้น พบว่าผลประโยชน์ทางสังคมที่เกิดขึ้น เช่น การลดค่าใช้จ่ายของ อปท. ในการเก็บขนขยะ การมีรายได้เสริมจากการจำหน่ายวัสดุรีไซเคิล และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สามารถประเมินค่า SROI ได้ประมาณ 1.5 เท่า ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ สะท้อนให้เห็นว่าการลงทุนในโครงการนี้คุ้มค่าและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม

ผลกระทบ (Impact)

เศรษฐกิจ
สังคม
สิ่งแวดล้อม
การศึกษาเรียนรู้


รายละเอียดผลกระทบ (Impact Detail)

R ด้านเศรษฐกิจ  

               1) ลดค่าใช้จ่ายในการเก็บขนขยะในชุมชน

               2) ชาวบ้านมีรายได้เสริมจากการคัดแยกขยะ และนำขยะรีไซเคิล เช่นพลาสติก  กระดาษ ไปขายเพิ่มรายได้เล็กน้อยให้แก่ครัวเรือน

               3) มีการนำเศษวัสดุจากการคัดแยกขยะมาใช้ประโยชน์           

R ด้านสังคม 

               ส่งเสริมการรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างสุขภาวะ ทำให้คนมีชีวิตที่มีสุขภาพดีและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกวัยในชุมชน

Rด้านสิ่งแวดล้อม                        

               1) เป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนนโยบายการการจัดการขยะในชุมชนและการวางแผนการบริหารจัดการขยะ ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง

               2) ส่งเสริมการบริหารจัดการขยะอินทรีย์ในชุมชนซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการลดปริมาณขยะ และการเก็บขน ก่อให้เกิดประโยชน์ในด้านการลดมลภาวะในชุมชนและลดค่าใช้จ่ายขององค์กร

R ด้านการศึกษา      

               นำนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในบางรายวิชาที่เกี่ยวข้อง  เข้าร่วมลงพื้นที่ และเรียนรู้เกี่ยวกับการวิจัย  การนำนโยบายไปปฏิบัติ  การมีส่วนร่วม การกระจายอำนาจการบริหารและการจัดการท้องถิ่นสู่ส่วนท้องถิ่น และการแสวหาความร่วมมือจากหน่วยงานภายนอกเพื่อร่วมแก้ไขและสนับสนุนในการแก้ไขปัญหา และพัฒนาท้องถิ่น


งบประมาณที่ใช้ (Budget)

32,000.00 บาท / Baht
ผลการดำเนินกิจกรรม


สรุปผลความสำเร็จตามเป้าหมายหลักของโครงการ

           1. จัดตั้งศูนย์เรียนรู้การบริหารจัดการขยะชุมชนต้นแบบ

               สำเร็จตามเป้าหมาย 1 ศูนย์เรียนรู้ ณ ตำบลหนองโสน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี

           2. เผยแพร่และขยายผลนวัตกรรม “ถังหมักรักษ์โลก”

               มีการนำไปใช้จริงในชุมชนภายในพื้นที่ตำบล

           3. การมีส่วนร่วมของครัวเรือนในพื้นที่ อปท.

               มีครัวเรือนเข้าร่วมโครงการ ประมาณร้อยละ 10 ของครัวเรือนทั้งหมดในพื้นที่เป้าหมาย

               (รวมประมาณ 100 ครัวเรือน จาก 7 หมู่บ้าน)

           4. การลดปริมาณขยะอินทรีย์

               ปริมาณขยะอินทรีย์ในครัวเรือนลดลงเฉลี่ย ร้อยละ 50 จาก 3.5–4.5 กก./วัน

 เหลือ 1.5–2.5 กก./วัน

           5. การลดการเก็บขนขยะโดยรถเก็บขนของ อปท.

               ปริมาณการเก็บขนขยะลดลง ร้อยละ 6–10 เมื่อเปรียบเทียบเดือนสิงหาคม 2567 กับเดือนเดียวกันของปี 2566

           6. การสร้างจิตสำนึกและการตระหนักรู้

               ร้อยละ 30 ของประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ เกิดความตระหนักรู้ในการจัดการขยะต้นทาง

และร้อยละ 5 สามารถนำความรู้ไปขยายผลและปฏิบัติได้จริง

           7. ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคม

               ครัวเรือนบางส่วนมีรายได้เสริมจากการขายวัสดุรีไซเคิล (เช่น พลาสติก กระดาษ ขวดแก้ว) และลดค่าใช้จ่ายของ อปท. ในการจัดการขยะ

สรุปการประเมินผล (ตามตัวชี้วัดโครงการ)

1. สามารถจัดตั้งศูนย์เรียนรู้การบริหารจัดการขยะชุมชนต้นแบบได้สำเร็จ 1 ศูนย์ ณ ตำบลหนองโสน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่หลักของโครงการ โดยมีการจัดทำป้ายศูนย์การเรียนรู้ สถานีการเรียนรู้จำลอง และกิจกรรมอบรมเพื่อเผยแพร่องค์ความรู้แก่ชุมชน 

2. มหาวิทยาลัยได้นำองค์ความรู้ด้านการจัดการขยะและนวัตกรรม “ถังหมักรักษ์โลก” มาบูรณาการกับชุมชน โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมทั้งการประชุม การสาธิต และการทดลองปฏิบัติจริงในครัวเรือน ส่งผลให้เกิดการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมเพื่อลดปริมาณขยะอินทรีย์ และสามารถขยายผลสู่ชุมชนอื่นได้อย่างเป็นระบบ

3. มีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมการอบรม การสาธิต และการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการคัดแยกขยะและการใช้ถังหมักรักษ์โลก รวมทั้งสิ้น 103 คน จากพื้นที่เป้าหมาย  เกินกว่าค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยผู้เข้าร่วมสามารถนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในครัวเรือนและขยายผลสู่ชุมชนของตนเอง

4. จากการประเมินหลังการอบรมและการสาธิต พบว่าประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมากกว่า ร้อยละ 40 มีการตระหนักรู้และเข้าใจถึงความสำคัญของการคัดแยกขยะ การใช้ประโยชน์จากขยะอินทรีย์ และการลดปริมาณขยะตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้

5. ประชาชนในพื้นที่เป้าหมายบางส่วน โดยเฉพาะแกนนำชุมชนและกลุ่มครัวเรือนต้นแบบ สามารถนำความรู้และนวัตกรรม “ถังหมักรักษ์โลก” ไปปรับใช้จริง และถ่ายทอดต่อให้เพื่อนบ้านหรือกลุ่มชุมชนอื่น ๆ คิดเป็นประมาณ ร้อยละ 10 ของผู้เข้าร่วม เกินกว่าค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้

6. จากการวิเคราะห์เบื้องต้น พบว่าผลประโยชน์ทางสังคมที่เกิดขึ้น เช่น การลดค่าใช้จ่ายของ อปท. ในการเก็บขนขยะ การมีรายได้เสริมจากการจำหน่ายวัสดุรีไซเคิล และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สามารถประเมินค่า SROI ได้ประมาณ 1.5 เท่า ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ สะท้อนให้เห็นว่าการลงทุนในโครงการนี้คุ้มค่าและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม

7. ดำเนินการเสร็จสิ้นในปีงบประมาณ 2568



พฤติกรรมและความเคยชินในการบริหารจัดการขยะในชุมชนโดยทั่วไปไม่คัดแยกขยะ เนื่องจากไม่เห็นความจำเป็น และความสำคัญ


1. มหาวิทยาลัยต้องทำความเข้าใจกับหน่วยงานต้นทางและอาจต้องมีการประชุมกลุ่มย่อยเพื่องเน้นย้ำความสำคัญของปัญหาดังกล่าว

2. หน่วยงาน อปท. บางหน่วยงาน เป็นต้นแบบที่ดีทั้งในด้านความร่วมมือ และการพัฒนาศักยภาพ  ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี  ควรได้รับการส่งสริมต่อยอดให้มีนวัตกรรมที่จัดการขยะในระดับเทคโนโลยีที่สูงขึ้น


ตัวชี้วัดกิจกรรมหลัก
ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลที่ได้ รายละเอียด
1) จำนวนชุมชนที่มีการบริหารจัดการทรัพยากรชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ 1 ชุมชน 0 ชุมชน
2) จำนวนหลักสูตรเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ 1 หลักสูตร 0 หลักสูตร
3) จำนวนศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบในการบริหารจัดการทรัพยากรชุมชน เป็นศูนย์กลางในการเป็นแหล่งเรียนรู้ ศึกษาและถ่ายทอดองค์ความรู้แก่คนในชุมชน 1 ศูนย์การเรียนรู้ 1 ศูนย์การเรียนรู้ สามารถจัดตั้งศูนย์เรียนรู้การบริหารจัดการขยะชุมชนต้นแบบได้สำเร็จ 1 ศูนย์ ณ ตำบลหนองโสน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่หลักของโครงการ โดยมีการจัดทำป้ายศูนย์การเรียนรู้ สถานีการเรียนรู้จำลอง และกิจกรรมอบรมเพื่อเผยแพร่องค์ความรู้แก่ชุมชน
4) มหาวิทยาลัยราชภัฏได้ใช้ศักยภาพในการบูรณาการองค์ความรู้หรือนวัตกรรม ร่วมกับชุมชนในการบริหารจัดการทรัพยากร การแก้ปัญหาและการใช้ประโยชน์ในพื้นที่อย่างเป็นระบบ 1 องค์ความรู้/นวัตกรรม 1 องค์ความรู้/นวัตกรรม มหาวิทยาลัยได้นำองค์ความรู้ด้านการจัดการขยะและนวัตกรรม “ถังหมักรักษ์โลก” มาบูรณาการกับชุมชน โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมทั้งการประชุม การสาธิต และการทดลองปฏิบัติจริงในครัวเรือน ส่งผลให้เกิดการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมเพื่อลดปริมาณขยะอินทรีย์ และสามารถขยายผลสู่ชุมชนอื่นได้อย่างเป็นระบบ
5) จำนวนประชาชนในชุมชนท้องถิ่นได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้หรือนวัตกรรมในการบริหารจัดการทรัพยากรในชุมชน การแก้ปัญหาและการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า 100 คน 103 คน มีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมการอบรม การสาธิต และการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการคัดแยกขยะและการใช้ถังหมักรักษ์โลก รวมทั้งสิ้น 103 คน จากพื้นที่เป้าหมาย เกินกว่าค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยผู้เข้าร่วมสามารถนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในครัวเรือนและขยายผลสู่ชุมชนของตนเอง
6) ร้อยละของประชาชนที่เข้าร่วมโครงการเกิดการตระหนักรู้ในการบริหารจัดการทรัพยากร การแก้ปัญหาและการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ ร้อยละ 30 ร้อยละ 40 จากการประเมินหลังการอบรมและการสาธิต พบว่าประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมากกว่า ร้อยละ 40 มีการตระหนักรู้และเข้าใจถึงความสำคัญของการคัดแยกขยะ การใช้ประโยชน์จากขยะอินทรีย์ และการลดปริมาณขยะตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้
7) ร้อยละของประชาชนที่เข้าร่วมโครงการสามารถนำองค์ความรู้หรือนวัตกรรมไปแก้ปัญหาหรือขยายผลหรือนำไปใช้ประโยชน์ ร้อยละ 5 ร้อยละ 10 ประชาชนในพื้นที่เป้าหมายบางส่วน โดยเฉพาะแกนนำชุมชนและกลุ่มครัวเรือนต้นแบบ สามารถนำความรู้และนวัตกรรม “ถังหมักรักษ์โลก” ไปปรับใช้จริง และถ่ายทอดต่อให้เพื่อนบ้านหรือกลุ่มชุมชนอื่น ๆ คิดเป็นประมาณ ร้อยละ 10 ของผู้เข้าร่วม เกินกว่าค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้
8) ผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (ค่า SROI) ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 1 เท่า 2 เท่า จากการวิเคราะห์เบื้องต้น พบว่าผลประโยชน์ทางสังคมที่เกิดขึ้น เช่น การลดค่าใช้จ่ายของ อปท. ในการเก็บขนขยะ การมีรายได้เสริมจากการจำหน่ายวัสดุรีไซเคิล และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สามารถประเมินค่า SROI ได้ประมาณ 1.5 เท่า ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ สะท้อนให้เห็นว่าการลงทุนในโครงการนี้คุ้มค่าและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม